ทำความรู้จัก Open Innovation ด้วยกันการนำลงมาประยุกต์ใช้กับดักเศรษฐกิจไทย

ไทยพละตั้งหน้าเข้าสู่ Thailand 4.0 ซึ่งสำเร็จเคลื่อนเศรษฐกิจเช่นกันนวัตกรรม เป็นโมเดลมุขการงานแห่งหนจับยกมาความคิดสร้างสรรค์กับของใหม่เข้าแข็งตัวลุ้น เพื่อให้สาวก้าวผ่านขนมจากหลุมพรางเงินรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) กับสับเปลี่ยนผ่านจากโมเดลธุรกิจสถานที่ลงมือกระทำเต็มแรงแต่ว่าได้ผลทดแทนบางตา เข้าสู่แบบลงมือทำโหรงแม้ว่าได้เงินเสียเงินชดเชยจัง แห่งจังหวะตรงนี้ สุงสิงการสั่งการธุรกิจสถานที่แหลมทอง (TMA) คว้าอัญเชิญ ศ. ดร. เฮนรี่ เชสโบร์ว ผู้คิดค้นแนวคิดปีกสิ่งใหม่ต้นร่างยกขึ้น (Open Innovation) ซึ่งมีฐานันดรกรรมาธิการว่าการ – แกนกลางเจริญสิ่งใหม่ฉบับร่างยกขึ้น สถาบันพัฒนาการงานข้างของใหม่ สถาบันอุดมศึกษาแคลิฟอร์เนีย เบิร์ร้ายย์ (University of California, Berkeley) ลงมาบรรยายกรอบความคิดและตอบปัญหาปีกของใหม่ฉบับร่างยกขึ้น กับจังหวะเพราะว่าไทย ในแท่นเสวนา STI Forum and Outstanding Technologist Awards 2017 ข้อ “Co-Creating the Future” เพราะ“ยุ่งงานสั่งการงานแห่งหนด้าวประเทศไทย” ด้วยกัน “มูลนิธิจรรโลงวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยกันเทคโนโลยีณพระสงฆ์บรมรายกขึ้นปถัมภ์” สมรู้ร่วมคิดแก่ขึ้นไปเนื่องในวันเทคโนโลยีไทย ซึ่งซื่อกับวันที่ 19 เดือนตุลาคม 2560 ณ โฮเต็ลพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเบริสุทธ์ยน สำเร็จปริวรรตเมธาและความเชี่ยวชาญขนมจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กับนวัตกรรมทั้งแหลมทองด้วยกันต่างด้าว เพื่อที่จะเรียนรู้ช่องทางด้วยกันจังหวะแห่งหนแหลมทองจักประยุกต์ใช้เค้าโครงความคิดของใหม่แบบยกขึ้นในการผลัดกันเปลี่ยนไปสู่ Thailand 4.0 หมายรวมแห่งการงานได้มาข่าวสารผลรางวัลพระราชทาน “มากหลายเทคโนโลยีดีงามโดดเด่น” กับ “นักเทคโนโลยีสาวใหม่” เพื่อที่จะบูชาเกียรติศักดิ์ กับดำรงฐานะแรงใจแรงใจแก่นักเทคโนโลยีแหลมทองแห่งหนส่งผลงานสะดุดตาด้านการค้นคว้าพร้อมด้วย ของใหม่ฉบับร่างรั้งขึ้น กับเศรษฐกิจไทย (Open Innovation and Thai Economy) ผู้เป็นใหญ่กานต์ แปลง (ใช้แก่ที่)กูลฮุน แห่งสถานภาพ Board of Trustee, TMA ด้วยกันหัวหน้าภาคเอกชน ทีมเวิร์กการยกสถานภาพของใหม่กับ Digitalization แผนสานพลังอำนาจประชาแว่นแคว้น กล่าวว่า แห่ง ตอนนี้ประเทศไทยประกอบด้วยนโยบายมุ่งเน้นด้านวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ด้วยกันของใหม่ เพื่อจะเคลื่อนเศรษฐกิจ พอเทียบกับพอระยะแหล่ทศปีก่อนแห่งหนแหลมทองมีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาบางตาจัง คือว่า 0.2% สิ่งของ GDP เท่านั้น ทั้งๆ ที่ประเทศพัฒนาแล้วประการเกาหลีใต้มีการลงทุน 3-4% สรรพสิ่ง GDP แม้ว่าแหลมทองก็ได้มีงานทำให้เสมอส่วนสัดการลงทุนด้านตรงนี้แจกสูงขึ้นไปค่อยๆ ไม่มีเงินล่าสุดสิงสู่แห่งหน 0.6% และกะตวาดจักเพิ่มพูนครอบครอง 1% ในอีกปีหรือว่าหญิบพรรษาจากนี้ ยิ่งไปกว่านี้ ภาครัฐณไทยเริ่มประกอบด้วยแนวทางการดันนวัตกรรมแห่งหนชัดเจน ย้ำแยกออกเอกชนเข้ามีส่วนร่วมจำเริญ เป็นต้นว่า ปันออกสิทธิประโยชน์ทางเงินภาษีสำหรับบริษัทเอกชนแห่งหนลงทุนด้านการศึกษาค้นคว้า หรือว่าแม้แต่แจกสิทธิประโยชน์ค่าธรรมเนียมรายบุคคล รวมทั้งเปิดโอกาสแจกนักวิจัยในภาครัฐบาลสามารถข้ามจากไปทำณภาคเอกชนตลอดในไทยและต่างชาติได้ ซึ่งเป็นพืดทางที่แหล่แดนก่ออยู่ หัวหน้าตัดต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ งานทำวิจัยและพัฒนาในประเทศต่างๆ ก็ต่างมนุชต่างก่อ คงประกอบด้วยการช่วยกันระหว่างภาครัฐบาลและวิทยาลัยบ้าง แต่ว่าเอกชนค่อนข้างเปล่าอ่อยได้มาร่วมเช่นกันเหตุต่างๆ อาทิ ความว่องแห่งงานปฏิบัติงานตรงกันข้าม ไม่ก็ลำดับความสำคัญของงานตรงกันข้าม คุณครูก็จำเป็นจะต้องประกอบด้วยธุระงานสอนหนังสือพร้อมด้วย เสียแต่ว่าแห่งช่วงทศพรรษาลงมาตรงนี้ แหล่ประเทศริเริ่มประกอบด้วยงานริเริ่มตั้งขึ้น Open Innovation Center เพื่อที่จะจัดโชว์และประเจิดประเจ้อแยกออกมนุษย์สาธารณะทราบตวาดองค์การนี้มีเทคโนโลยีกระไรมั่ง ด้วยกันประกอบด้วยความมุ่งมาดเทคโนโลยีอะไรอีก หรือว่านักวิจัยสร้างสรรค์ธุรกิจซึ่งคงอีกทั้งไม่ซูบปัญหากิจการไรแห่งองค์กร เสียแต่ว่าคงจะเจียรพบแผนขนมจากหน่วยงานอื่นลงมาเอาใจช่วยสนับสนุนกักคุมคว้าก็มี ซึ่งถือเป็นการเพิ่มพูนจังหวะในการแลกผลัดกันศึกษาหรือว่าสร้างการช่วยกันได้มาโคนว่าดั้งเดิม เพราะอธิบาย SCG ว่าเป็นองค์กรที่ย้ำการลงทุนปีกวิจัย เพราะว่าทวีงบประมาณวิจัยขึ้นไปทุกปีกระเป๋าแห้งช่วงปัจจุบันอยู่แห่งหน 4,500 โล้นบาทา ด้วยกันประกอบด้วยผลรวมนักวิจัยสิ่งของตนเองกะ 700 คน หมายรวมมีโครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยทั้งแหลมทองด้วยกันต่างชาติกะ 600 แผน กับครั้นเดือนเดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา SCG เพิ่งจะยกขึ้นศูนย์รวมของใหม่ฉบับร่างยกขึ้น Open Innovation Center แห่ง อุทยานวิทยาศาสตร์ รังสิต เพราะมีเนื้อที่ดุจหนึ่งพันตารางกิโลเมตร มีผู้เข้าชมตั้งแต่ยกขึ้นกะ 6,500 คน เพราะณจำนวนรวมตรงนี้ 25% ดำรงฐานะนักวิจัยสรรพสิ่ง SCG อีก 50% มาจากวิทยาลัยและร. อีก 20% จากภาคเอกชน ส่วนที่เหลืออีกเหมือนกับ 700 มนุษย์เป็นชาวต่างชาติ เพราะ Open Innovation Center แสดงถึงเทคโนโลยี สิทธิบัตร ด้วยกันโครงการซึ่งเจริญเจียรถึงระดับใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์ (commercialization) นับว่าเป็นตัวอย่างสิ่งของงานชดใช้ของใหม่ติดเครื่องเศรษฐกิจ เพราะว่าสิ่งใหม่ก็ก่อเกิดขนมจากความมุ่งมาดปรารถนาสรรพสิ่งตลาด ยิ่งไปกว่านี้ Open Innovation Center อีกต่างหากนับว่าเป็นเนื้อที่หรือว่าที่โล่งแจ้งสรรพสิ่งนักค้นคว้าอย่างแท้จริง อีกอาณาเขตด้านสถานที่น่าจะให้ความสำคัญคือว่า SME และ Startup ซึ่งเป็นพืดโค้งแห่งหนพละมาแรงณปัจจุบันนี้ สามัญหลังจากนั้น ธุรกิจขนาดย่อม กับ Startup จักไม่สามารถให้ทุนด้านวิจัยและพัฒนาได้ยิ่งนักนัก ความสิทธิประโยชน์มุขค่าธรรมเนียมก็คงจะหามิได้ชิ้นที่รับประโยชน์ยิ่งนักครั้นวัดกับกงสีโย่ง แห่งการเห็นคิดดูตวาด ภาครัฐบาลโดยเฉพาะวิทยาลัยซึ่งประกอบด้วยอวัยวะความรู้จำนวนมากน่าจะเข้าช่วยอนุเคราะห์งานทำวิจัยแยกออก ธุรกิจขนาดย่อม กับ Startup เพราะบางที มหาวิทยาลัยอาจก่อวิจัยติดตามความสนใจส่วนตัว ซึ่งคงเปล่าสนองตอบความมุ่งมาดปรารถนาความจริงแน่นอนสรรพสิ่งท้องตลาด เสียแต่ว่าในเวลานี้ภาครัฐบาลน่าจะตั้งความหวังส่งเสริมนวัตกรรมแห่งหนสมรรถนำไปใช้เชิงพาณิชย์คว้าจริงๆ ซึ่งมั่นใจว่านกิจวัตรบาปจักเอาใจช่วยตัดทอนความแตกต่างด้วยกันกระจายความรวยในประเทศคว้าอย่างแน่นอน ไฉนจำเป็นจะต้องสิ่งใหม่ฉบับร่างถลก (Why Open Innovation?) แนวคิด “ของใหม่ต้นร่างยกขึ้น” เป็นกระบวนทัศน์นวชาตแห่งหนแจกหน่วยงานเปิดกว้างกับแลกเปลี่ยนอวัยวะความรู้ เค้าโครงความคิดและประสบการณ์ขนมจากข้างนอกหน่วยงาน หรือว่าสิงสถิตการช่วยกันริมผู้ช่วยเหลือกับองค์กรสถานที่มีความพร้อมและความคร่ำหวอดแห่งหมวดอุตสาหกรรมลงมาปรับชดใช้แห่งหน่วยงานเพื่อปฏิสังขรณ์สิ่งใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่ม ก่อสร้างผลิตผลใหม่ ๆ มากขึ้น กับประกอบด้วยชั้นเลิศขึ้น ทำให้การงานมีความเก่งกาจในการแข่งขัน ศาสตราจารย์ ดร. เฮนรี่ เชสโบร์ว กรรมาธิการจัดการ – แกนกลางพัฒนาของใหม่ฉบับร่างถลก สถาบันปฏิรูปงานปีกของใหม่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ซึ่งดำรงฐานะผู้สถาปนาด้วยกันทำความเข้าใจปีกนวัตกรรมฉบับร่างยกขึ้นมาทั่ว 35 พรรษาที่ผ่านมา ขยายความในตวาด แนวคิดเสาของสิ่งใหม่ ตกว่า ปราศจากหน่วยงานไหนที่สมรรถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยลำพัง องค์กรจักรอดตายได้จำเป็นต้องมีการช่วยกัน ปริวรรต ด้วยกันยกสถานภาพความสามารถกับหน่วยงานอื่น ทำไมถึงจำต้องนวัตกรรมแบบยกขึ้น แห่งอดีตพอห้าสิบปีกลาย เฉพาะเจาะจงกองกลางโย่ง ๆ ขนาดนั้นแห่งหนประกอบด้วยงานทำวิจัยและพัฒนาในห้องจ้องป เสียแต่ว่าช่วงปัจจุบันกลายเป็นวิทยาลัยกับ Startup ก่อการศึกษาค้นคว้างอกงาม โมเดลธุรกิจใหม่ ๆ แตกต่างก็ใช้ประโยชน์ขนมจากดิจิทัล (digitalization) กงสีเทิ่งเริ่มปฏิรูปเลยกำหนดลง ทั้งที่ Startup กลับปฏิรูปแจ้นขึ้น กับอีกทั้งมีผู้เล่นรายนวชาตๆ เข้าเกี่ยวข้องเดินเครื่องแดน ชนิดมูลนิธิ องค์กรไม่ค้นหาผลประโยชน์ ซึ่งให้บริการข้างเข้าสังคม ดังนี้ การแลกสับเปลี่ยนนวัตกรรมจักช่วยทะนุถนอมระหว่างงานกับเข้าสังคมโดยทั่วไปแยกออกพัฒนาต่อไปได้มา ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ เฮนรี่ ได้รายงานการเห็นสถานที่น่าสนใจว่า ของใหม่ต้นร่างยกขึ้นไม่เฉพาะแต่ลุ้นเคลื่อนธุรกิจไม่ก็เศรษฐกิจเท่านั้น เสียแต่ว่ายังสามารถช่วยยกฐานะสุขทุกข์ของมวลชนแห่งชนบท เป็นต้นว่า เปลี่ยนหมู่บ้าน Mori ซึ่งเป็นเพียงหมู่บ้านจี๊ด ๆ ณเกียนเบงกอล ชมพูทวีป แจกตกเป็นต้นแบบหมู่บ้านอัจฉริยะ (smart village) สถานที่ทั้งหมดครอบครัวเข้าถึง wifi, เคเบิ้ลโทรทัศน์ ด้วยกันทำธุรกรรมแบบไร้เงินสด (cashless transaction) หมู่บ้านแห่งต่างจังหวัดของไทยก็มีสมรรถนะที่จะมัศยาวัตกรรมอย่างนี้คว้า แม้ว่าจะสร้างเกษตรรากฐาน เสียแต่ว่าเป็นมั่นเป็นเหมาะตวาดชาวไร่ชาวนาจำเป็นต้องมีวาณิชย์ผลิตผลทางทุ่งกับดักพาเหียรหมู่บ้าน อาจโดยตรงหรือไม่ก็ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งมนุษย์เหล่านี้อาจเชื่อมแจกชาวบ้านเข้าถึงอินเตอร์เน็ทคว้า เพราะว่าเปลี่ยนแอแมลงปอจี่ Alipay ด้วยกัน WeChat ซึ่งชอบเต็มแรงแห่งทวีปเอเชีย ประการเมืองจีนตอนนี้ก็ทำธุรกรรมเปลี่ยน Alipay ฉิวเฉียวทั้งเพ จะอย่างไรก็ตาม งานสร้างสิ่งใหม่ต้นร่างถลกมิใช่จักประสบความสำเร็จเป็นนิจศีล ทุกแผนการประกอบด้วยความเสี่ยง กับมีแหล่โครงการแห่งหนไม่ได้เรื่อง ก็เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงพวกความคิด (mindset) สิ่งขององค์กรเพื่อจะเปิดกว้างนวัตกรรมด้วยกันสมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นๆมิใช่เรื่องคล่อง คนในองค์กรจักจำต้องเปิดหัวใจยอมรับการเจริญ (growth) ในรูปแบบนวชาต ๆ ข้อเสนอแนะด้วยกันสิ่งแห่งหนวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ กำลังวังชาทำสิงสู่ ณสถานภาพสถานที่ครอบครองคุณครูสถาบันอุดมศึกษา ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ เฮนรี่ ทูลแจกสถาบันอุดมศึกษาประเทศไทยส่งนิสิตปริญญาเอกไปหมุนเวียน (เงินตรา)แห่งหนมหาวิทยาลัยแห่งทวีปอเมริกาเหนือ เป็นต้นว่า วิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์ร้ายย์ เพื่อที่จะแห่งหนนิสิตจักได้ก่อสร้างคอนเนคชั่นด้วยกันเรียนรู้เค้าโครงความคิดใหม่ ๆ สถานที่แตกต่างจากแหลมทอง ซึ่งดำรงฐานะโมเดลที่เมืองจีนใช้คืนสิงสู่ตอนนี้ ศ. ดร. เฮนรี่ พูดถึงสิ่งที่สถาบันอุดมศึกษาแคลิฟอร์เนีย เบิร์ร้ายย์ พละสร้างอยู่ด้วยกันมองเห็นแหวน่าจะมีแนวโน้มสถานที่บริสุทธ์ ตกว่า 1) ประกอบด้วยงานก่อตั้งสถาบันนวชาตสถานที่มุ่งเน้นปีกสิ่งใหม่เข้าสังคม 2) การปันออกนักศึกษาคณะบริหารงานลุ้นปฏิรูปเชิงการค้าแยกออกกับดักพลังงานสถานที่เป็นมิตรดามสิ่งแวดล้อมกับจับกลับมาชดใช้นวชาต (commercialization of green and renewable energy) และ 3) รายการปีกปฏิรูปผู้ผลิต (entrepreneurship) เพื่อเอาใจช่วยสงเคราะห์แยกออก Startup แสวงราคาต้นทุนและได้โอกาสทางธุรกิจสมบูรณ์ ชายตรงนี้ TMA ประกอบด้วยความแข็งขันมุ่งมั่นเผยแพร่อวัยวะความรู้ข้างของใหม่ เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ระดับโลก ณต่างๆนาๆการเห็น เพราะผู้เข้าร่วมงานจักได้รับตรวจฟังแนวความคิดสร้างสรรค์จากการต่อยฝืดเคืองสิ่งเดิมที มาพัฒนาพอให้ก่อเกิดผลิตผลด้วยกันงานบริการนวชาตๆ ที่สมรรถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นคว้า ภายใต้เค้าโครงความคิดของใหม่ฉบับร่างยกขึ้น (Open Innovation) ซึ่งครอบครองกระบวนทัศน์นวชาตที่ก่อสร้างแจกหน่วยงานเปิดกว้างด้วยกันแลกเปลี่ยนองค์เมธา กรอบความคิด และความจัดเจนจากข้างนอกองค์กร หรือไม่ก็สิงสถิตความร่วมแรงร่วมใจเชิงผู้ช่วยเหลือกับองค์กรแห่งหนมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญแห่งพวกอุตสาหกรรม ลงมาปรับชดใช้ในหน่วยงานเพื่อจะบูรณะนวัตกรรม ก่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เจริญผลิตผลนวชาตๆ เพิ่มพูนด้วยกันประกอบด้วยคุณภาพที่ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นจำเป็นต้องทวีงบดุลมุขปีก R&D วิธีการนี้จะลุ้นแยกออกธุรกิจมีความเด่นข้างสิ่งใหม่ และเหนือชั้นกว่าณการชิงดีชิงเด่น ดังนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงแกร่งของประเทศไทยอย่างเป็นระบบด้วยกันสม่ำเสมอ รวมทั้งยังดลบันดาลและส่งเสริมแจกเกิดการช่วยกันระหว่างภาครัฐด้วยกันเอกชนในงานรีบอนุเคราะห์กับพัฒนาพนักงานไทย รวมหมดณระดับสั่งการ นักธุรกิจ สตาร์ถักัพ นักวิทยาศาสตร์ และนักค้นคว้า นับว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญณการยกระดับระบบนิเวศสรรพสิ่งของใหม่สรรพสิ่งประเทศ ที่จะมีผลแจกเศรษฐกิจประเทศไทยเจริญชนิดจีรัง PR News

https://storage.googleapis.com/techsauce-prod/uploads/2019/09/social-snappers-2.jpg